

การจัดการทรัพยากรน้ำ
ความสำคัญและพันธกิจ
การจัดการทรัพยากรน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ ปตท.สผ. และเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทฯ ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกกระบวนการ โดยบริษัทฯ ตระหนักดีว่าการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าบริษัทฯ มีความรับผิดชอบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนั้น บริษัทฯ ส่งเสริมการบริหารจัดการทัพยากรน้ำให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและสร้างความเชื่อมั่นระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของชุมชนผู้ใช้น้ำ โดยให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ไม่เพียงปกป้องสิ่งแวดล้อม แต่ยังสนับสนุนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในระยะยาวและสร้างคุณค่าขององค์กร ผ่านการตระหนักถึงความสำคัญและความเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติ (ดิน ทะเล น้ำจืด ป่าไม้ และชั้นบรรยากาศ) ธุรกิจ และสังคม ซึ่งสอดคล้องกับกรอบการทำงานและมาตรฐานในระดับสากล ได้แก่ การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ (Taskforce on Nature-related Financial Disclosure – TNFD) และการรายงานความยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับผลประกอบการและผลการดำเนินงานทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (Global Reporting Initiative - GRI)
เป้าหมายสำคัญ
- 1 บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการดำเนินงานในพื้นที่เสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนน้ำ และบริหารจัดการไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนผู้ใช้น้ำ
- 2 บริษัทฯ ควบคุมไม่ให้มีการปล่อยน้ำจากกระบวนการผลิตออกสู่สิ่งแวดล้อม
แนวทางการบริหารจัดการ
เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการจัดการน้ำ บริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่/รีไซเคิล รวมถึงกำหนดเป้าหมายหลีกเลี่ยงการดำเนินงานในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ รวมถึงการจัดให้มีโครงการการจัดการน้ำที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินงานในพื้นที่ที่มีแนวโน้มที่มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำ รวมถึงการหาโอกาสในการลดหรือทดแทนการใช้น้ำจืดในการดำเนินงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบจากน้ำจากกระบวนการผลิต โดยกำหนดเป้าหมายการนำน้ำที่ผลิตได้ทั้งหมดอัดกลับไปสู่ชั้นหินใต้ดิน (Produced Water Injection) สำหรับการดำเนินงานของโครงการในประเทศไทย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมาตรฐานความปลอดภัยและเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ หากเป็นโครงการที่มีข้อจำกัดด้านการจัดการน้ำจากกระบวนการผลิต บริษัทฯ จะปฏิบัติตามมาตรการของกฎหมายที่กำหนดไว้ในประเทศที่ตั้งโครงการเช่นกัน
เพื่อให้มีการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ได้กำหนดกรอบการบริหารจัดการความเสี่ยง และตามกระบวนการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย การนำแนวทางการจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการมาปรับใช้ โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำที่ใช้และน้ำทิ้งที่ปล่อยกลับคืนสู่แหล่งน้ำ ตลอดจนการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ร่วมกับการกำหนดมาตรการใช้น้ำตามลำดับขั้นตอนของการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (Water Efficiency Hierarchy) สอดคล้องกับแนวทางของสมาคมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมนานาชาติ (IPIECA) รวมถึงการเฝ้าติดตามและรายงานผลการดำเนินงานของกิจกรรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำและการทิ้งน้ำ โดยเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมถึงการสนับสนุนการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพทั้งกับบริษัทฯ และชุมชน
การบริหารจัดการความเสี่ยงทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ทรัพยากรน้ำมีความสำคัญต่อกิจกรรมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม บริษัทจึงได้ประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำในทุกพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อป้องกันปัญหาคุณภาพน้ำและการขาดแคลนน้ำในชุมชนรอบข้าง รวมถึงศึกษาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ การอนุรักษ์น้ำ และให้ความสำคัญกับโปรแกรมการตรวจสอบรอยรั่ว ซ่อมบำรุง และลดปริมาณการสูญเสียน้ำจากกิจกรรมที่ไม่จำเป็นด้วย
ตั้งแต่ปี 2556 บริษัทฯ ได้พัฒนาเครื่องมือเพื่อใช้ประเมินความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการน้ำในทุกพื้นที่ปฏิบัติการที่อยู่ภายใต้การปฏิบัติงานของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมประเด็นความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะการขาดแคลนน้ำ ราคาของน้ำและการจัดการน้ำ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับด้านการใช้น้ำ รวมถึงโอกาสการเกิดความขัดแย้งด้านการใช้น้ำกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยในการประเมินความเสี่ยงได้ใช้ข้อมูลจากโครงการของบริษัทฯ และข้อมูลจริงในพื้นที่จากเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น WRI Aqueduct และ WWF Water Risk Filter ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงทั้งในปัจจุบันและในอนาคต (สำหรับปี 2566, 2573 และปี 2593) และนำผลที่ได้มากำหนดเป้าหมายและแนวทางการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งผลการประเมินพื้นที่ที่มีแนวโน้มขาดแคลนน้ำ (Water Stress Area) ซึ่งอ้างอิงตาม WRI Aqueduct Water Risk Atlas พบว่า พื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทฯ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเอส 1 และแอล 22/43 โครงการพีทีทีอีพี 1 และโครงการสินภูฮ่อม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มขาดแคลนน้ำในประเทศไทย ขณะที่ WWF Risk Filter Suite ได้ระบุผลการประเมินความเสี่ยงของน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ พบว่าโครงการสินภูฮ่อมอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะการขาดแคลนน้ำสูง ซึ่งพบว่าของโครงการไม่ได้พึ่งพาการใช้น้ำปริมาณมากสำหรับการดำเนินงาน โดยผลจากการประเมินของทั้งสองเรื่องบ่งบอกถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติและภาวะปัญหาของความหลากหลายทางชีวภาพ พบว่าโครงการสินภูฮ่อมมีความเสี่ยงจากอุทกภัยและการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้คาดการณ์ว่ายังไม่พบการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากการใช้น้ำสำหรับการดำเนินงานและการสนับสนุนการพัฒนาปิโตรเลียมตั้งแต่ปี 2020 และพบว่ามีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดความขัดแย้งเรื่องการใช้น้ำที่มากเกินไปกับผู้มีส่วนได้เสียในอนาคตจนถึงปี 2030 โยสำหรับโครงการที่ดำเนินงานในประเทศไทย ประเทศพม่า และประเทศมาเลเซีย อาจเผชิญกับการควบคุมทางกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น แต่จากการคาดการณ์พบว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเป็นภัยคุกคามที่ไม่ร้ายแรงต่อการดำเนินงานจนถึงปี 2573
ดังนั้น ผลการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับด้านน้ำของบริษัทฯ อยู่ในระดับต่ำ-ปานกลาง ซึ่งพิจารณาว่าความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในทุกสภาวการณ์สำหรับทุกโครงการที่ทำการประเมิน
การบริหารจัดการน้ำ
จากสถานการณ์การใช้น้ำและน้ำทิ้งในแต่ละกิจกรรมของบริษัทฯ และผลการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ปตท.สผ. ได้ดำเนินมาตรการจัดการน้ำตามลำดับขั้นตอนของการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (Water Efficiency Hierarchy) โดยคำนึงถึงมาตรการการลดผลกระทบที่มีผลต่อการใช้น้ำจืดของบริษัทฯ และชุมชนที่เกี่ยวข้องกับความพอเพียงของน้ำ ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งน้ำ และคุณภาพน้ำใช้ ตัวอย่างเช่น การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ ได้แก่ การนำน้ำจากกระบวนการผลิต (Produced Water) มาใช้ทดแทนน้ำจืดในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตปิโตรเลียม การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โดยริเริ่มโครงการธนาคารน้ำทำร่วมกับชุมชนในพื้นที่ที่อาจประสบปัญหาภาวะขาดแคลนน้ำ และยังคงดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงควบคุมไฟป่าและปลูกต้นไม้เพื่อรักษาและปกป้องพื้นที่แหล่งน้ำ การติดตั้งอุปกรณ์และสิ่งก่อสร้างสำหรับจัดทำเป็นระบบจ่ายน้ำและกักเก็บน้ำเพื่อให้ชุมชนมีน้ำใช้อย่างต่อเนื่อง
ในการจัดการน้ำจากกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพนั้น สำหรับโครงการในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ควบคุมไม่ให้มีการปล่อยน้ำจากกระบวนการผลิตออกสู่สิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 โดยใช้วิธีอัดน้ำจากกระบวนการผลิตกลับสู่แหล่งกักเก็บปิโตรเลียมที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว และถึงแม้ว่าแนวโน้มของน้ำที่เกิดจากกระบวนการผลิตจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิตและอายุของแหล่งกักเก็บ บริษัทฯ ก็ยังคงสามารถรักษาประสิทธิภาพของระบบอัดกลับน้ำจากกระบวนการผลิตได้ทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน สำหรับโครงการสินภูฮ่อมได้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยไม่ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมเช่นกัน ขณะที่โครงการในต่างประเทศ บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรการของกฎหมายที่กำหนดไว้ในประเทศที่ตั้งโครงการ โดยน้ำจากกระบวนการผลิตจะผ่านการบำบัดจนมีลักษณะดีกว่าข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องก่อนปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม โดยที่โครงการในต่างประเทศกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการน้ำจากกระบวนการผลิตสำหรับการอัดกลับลงหลุมอัดกลับ
ปตท.สผ. ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ปรับปรุงคุณภาพน้ำจากกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสำหรับการนำไปใช้ประโยชน์ในหลายกิจกรรม ซึ่งส่งผลให้โครงการใช้น้ำจืดในปริมาณลดน้อยลง โดยโครงการริเริ่มนี้รวมไปถึงการศึกษาหาความเป็นไปได้ในการนำน้ำจากกระบวนการผลิตที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ประโยชน์ภายในกระบวนการดำเนินงานของ ปตท. ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการได้รับอนุญาตจากส่วนงานที่เกี่ยวข้อง
ยิ่งไปกว่านั้น ปตท.สผ. ไม่เพียงแต่ดำเนินโครงการจัดการน้ำตามหลักการใช้ประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างเสริมความตระหนักรู้ให้แก่พนักงานอีกด้วย โดยบริษัทฯ จัดฝึกอบรมพนักงานในด้านเพิ่มจิตสำนึกเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพในทุกกระบวนการปฏิบัติงาน ได้แก่ การปรับกระบวนการใช้น้ำให้เหมาะสมสำหรับงานขุดเจาะ และการปรับปรุงระบบรีไซเคิลน้ำให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ หลักสูตรการอบรมยังมีการนำเสนอบทวิเคราะห์กรณีศึกษา (Case Studies) ที่ประสบความสำเร็จในด้านการจัดการน้ำจากกระบวนการผลิต ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้แก่พนักงานให้มีการริเริ่มโครงการที่มีการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ ได้มีการเฝ้าติดตามตรวจสอบและจัดเก็บข้อมูลผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของข้อมูลเชิงปริมาณและข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยแสดงถึงความยึดมั่นในความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ โดยได้เปิดเผยผลการดำเนินงานสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับน้ำ ในรายงานประจำปีและรายงานความยั่งยืน ครอบคลุมถึงการรายงานข้อมูลผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำต่อ CDP ตั้งแต่ปี 2560 และได้รับการจัดอันดับอยู่ใน “ระดับผู้นำ” ในปี 2560 และ“ระดับการจัดการ” ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา ซึ่งแสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน