ปตท.สผ. ตั้งเป้าหมายความยั่งยืนทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยครอบคลุมมิติการดำเนินงานทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเปิดเผยผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน (ประเด็นสำคัญ) ในปี 2565 โดยมีผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายและแผนงานดังต่อไปนี้

ประเด็นสำคัญ : 1. การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
ปี 2573
  • กำลังการผลิตเติบโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี
  • รักษาอัตราส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วต่ออัตราการผลิต (R/P Ratio หรือ 1P/Production) ไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • ต้นทุนต่อหน่วยสามารถแข่งขันได้กับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (≤25 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ)
  • เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยลดปริมาณความเข้มของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ภายในปี 2573 และร้อยละ 50 ภายในปี 2583 จากปีฐาน 2563
  • อัตราการเติบโตของปริมาณการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปี 2564
  • การผลิตก๊าซธรรมชาติคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 74 ของปริมาณการผลิต ในปี 2565
  • อัตราส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วต่ออัตราการผลิต (R/P Ratio หรือ Reserves Life) เท่ากับ 6.8 ปี
  • ต้นทุนต่อหน่วยอยู่ที่ 28.4 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
  • เข้าเป็นผู้ดำเนินการ (Operator) โครงการจี 1/61 และโครงการจี 2/61 ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract : PSC) เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2565
  • เข้าเป็นผู้ดำเนินการโครงการยาดานา เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงาน สร้างเสถียรภาพด้านพลังงาน และเศรษฐกิจ ให้แก่ประชาชนของทั้งประเทศพม่าและประเทศไทย
  • ดำเนินการศึกษาโอกาสการลงทุนและพัฒนาธุรกิจตามทิศทางการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยมีผลงานหลัก ๆ ดังนี้
    1. ลงนามในบันทึกข้อตกลง 1) การนำร่องศึกษาการทำ CCS Hub Model ในประเทศไทย เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ในประเทศไทย 2) การศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานผลิตกรีนอีเมทานอล 3) การส่งเสริมความร่วมมือในการศึกษาและแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกันด้านพลังงานสะอาดในรูปแบบต่าง ๆ กับหน่วยงานภาครัฐในประเทศโอมาน (Energy Development Oman)
    2. หน่วยธุรกิจซ่อมบำรุงใต้น้ำ (ROVULA) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ ARV ประสบความสำเร็จในการนำร่องใช้นอติลุส (Nautilus) เทคโนโลยีหุ่นยนต์สำรวจและซ่อมบำรุงท่อปิโตรเลียมใต้ทะเลแบบครบวงจร และประกาศความพร้อมในการให้บริการลูกค้าและพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและสำรวจปิโตรเลียมใต้ทะเล
  • หลีกเลี่ยงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมตั้งแต่ปี 2556 ได้ประมาณ 8.9 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากปีฐาน 2555
  • หลีกเลี่ยงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2565 ได้ประมาณ 928,518 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากปีฐาน 2563 (หรือจากโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 166,352 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)

ประเด็นสำคัญ : 2. เทคโนโลยีและนวัตกรรม

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
  • พัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามกลยุทธ์ของบริษัท 3 ด้าน ได้แก่
    1. การเพิ่มมูลค่าและความสามารถในการแข่งขันด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
    2. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ
    3. การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและธุรกิจใหม่
  • ร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิมาจากธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
  • มีระบบการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาที่มีประสิทธิภาพ และมีการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาจากผลงานการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องทุกปี
  • มีผลงานการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการประชุมทางวิชาการและวารสารในระดับนานาชาติ และได้รับรางวัลด้านนวัตกรรมจากผลงานจากการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในองค์กรอย่างต่อเนื่องทุกปี
  • ความสำเร็จของโครงการในขั้นต้นแบบ 4 โครงการ ขั้นการทดสอบนำร่อง 2 โครงการ และขั้นการนำไปใช้จริง 2 โครงการ
  • ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในปี 2565 จากการนำเทคโนโลยีที่พัฒนาสำเร็จไปใช้งานในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 23.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • รายได้จากธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ยื่นจดสิทธิบัตรเพิ่มจำนวน 17 ผลงาน รวมถึงคำขอจดสิทธิบัตรที่ได้ยื่นไปก่อนหน้านี้ได้รับการรับรองในปี 2565 3 สิทธิบัตร โดยมีจำนวนสิทธิบัตรที่ได้รับการรับรองสะสม 11 สิทธิบัตร
  • ตีพิมพ์ผลงานในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติจำนวน 8 เรื่อง และรับรางวัลจากผลงานในการพัฒนาเทคโนโลยีจำนวน 1 รางวัล

ประเด็นสำคัญ : 3. การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
ปี 2573
  • เป็นองค์กรต้นแบบด้าน GRC ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนไทย
  • ปรับเพิ่มระดับวุฒิภาวะด้าน GRC (GRC Maturity Level) สู่ระดับสูงสุด (Continuous Improvement with Automation)
  • พัฒนาระบบ Risk Management ในรูปแบบ Chatbot เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการความเสี่ยงซึ่งอาจเกิดเป็นปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายขององค์กร
  • พัฒนาระบบ GRC One Digital System ซึ่งเป็นการรวบรวมรายงาน GRC ในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องได้รับข้อมูลทางด้าน GRC อย่างทันท่วงทีและช่วยสนับสนุนการตัดสินใจที่สำคัญได้
  • สร้างวัฒนธรรม GRC อย่างต่อเนื่องผ่านการสื่อสารและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ และสื่อสาร GRC Lesson Learnt ให้แก่พนักงาน รวมถึงส่งเสริมแนวปฏิบัติที่ดีด้าน GRC ไปยังสังคมภายนอก เช่น การเผยแพร่ผ่านช่องทาง Explorer's Journal และ Facebook : PTTEP Shareholders Society ให้กับผู้ถือหุ้น
  • ปรับปรุงกระบวนการภายในให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
  • ได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใส (NACC Integrity Awards) เป็นครั้งที่ 4 จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับองค์กรที่มีการดำเนินงานด้วยความโปร่งใส และปฏิบัติภารกิจตามแนวทางจริยธรรมที่เป็นสากล
  • โครงการในประเทศมาเลเซียได้รับใบรับรองมาตรฐานสากล ISO 22301 การบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ จากสถาบัน BSI (British Standards Institution)

ประเด็นสำคัญ : 4. ความปลอดภัย มั่นคง อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
  • การเป็นองค์กรที่ปราศจากอุบัติเหตุ
    • สถิติอุบัติเหตุที่มีการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน (Lost Time Injury Frequency – LTIF) ของพนักงานและผู้รับเหมา ไม่เกิน 0 ครั้งต่อล้านชั่วโมงทำงาน ในปี 2565
    • สถิติอุบัติเหตุที่มีการบาดเจ็บ (Total Recordable Injury Rate – TRIR) ของพนักงานและผู้รับเหมา ไม่เกิน 0.37 ครั้งต่อล้านชั่วโมงทำงานในปี 2565
  • อัตราการหกรั่วไหลของน้ำมันและสารเคมีเป็นศูนย์
  • ระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมกิจกรรมการดำเนินงานทั้งหมดของบริษัท
  • ปราศจากการปล่อยน้ำจากกระบวนการผลิตออกสู่สิ่งแวดล้อม
  • หลีกเลี่ยงการดำเนินงานในพื้นที่เสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนน้ำ (Water Scarcity) และบริหารจัดการไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนและผู้ใช้น้ำ
  • สถิติอุบัติเหตุที่มีการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน (Lost Time Injury Frequency – LTIF) ของพนักงานและผู้รับเหมาอยู่ที่ 0.15 ครั้งต่อล้านชั่วโมงทำงาน
  • สถิติอุบัติเหตุที่มีการบาดเจ็บ (Total Recordable Injury Rate – TRIR) ของพนักงานและผู้รับเหมาอยู่ที่ 0.88 ครั้งต่อล้านชั่วโมงทำงาน
  • อัตราการหกรั่วไหลของน้ำมันและสารเคมี 0.68 ตันต่อล้านตันปิโตรเลียมที่ผลิตได้
  • ระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ได้แก่ ISO 14001 : 2015 ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมการดำเนินงานทั้งหมดของบริษัท* ในขณะที่ ISO 45001 : 2018 ครอบคลุมเฉพาะกิจกรรมการดำเนินงานภายในประเทศ
  • โครงการในประเทศไทยปราศจากการปล่อยน้ำจากกระบวนการผลิตออกสู่สิ่งแวดล้อม
  • ไม่มีโครงการใดตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนน้ำ (Water Scarcity)
*หมายเหตุ : ไม่รวมโครงการจี 1/61 และโครงการยาดานา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงานหลังบริษัทเข้าเป็นผู้ดำเนินการ

ประเด็นสำคัญ : 5. การสร้างคุณค่าให้แก่สังคมและชุมชน

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
  • ระดับมหภาค :
    • เพิ่มรายได้ของชุมชนกลุ่มเป้าหมายให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 และเพิ่มจำนวนเครือข่ายอนุรักษ์ 16,000 ราย ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับก่อน ปตท.สผ. เข้าดำเนินโครงการ
    • คืนความสมบูรณ์สู่ท้องทะเลไทย โดยการปลูกป่าชายเลน จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักลูกปูและสัตว์น้ำเศรษฐกิจ สร้างเครือข่ายชุมชน ปลูกจิตสำนึกด้านการทำประมงแบบยั่งยืน รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมสำหรับการแปรรูปสัตว์น้ำเศรษฐกิจ
  • ระดับจุลภาค :
    • ดำเนินโครงการเพื่อสังคมเพื่อตอบสนองความจำเป็นของชุมชนท้องถิ่น และสร้างโอกาสการจ้างงาน โดยมีเป้าหมายในการสร้างและรักษาระดับความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสีย อันจะนำไปสู่การได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและสังคมในทุกพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท.สผ.
  • ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI) ของโครงการเพื่อสังคม ไม่ต่ำกว่า 2 : 1
  • ระดับมหภาค :
    • สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักสัตว์น้ำเศรษฐกิจและโครงการเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.5 เมื่อเทียบกับก่อน ปตท.สผ. เข้าดำเนินโครงการ
    • ส่งเสริมและขยายโครงการศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักสัตว์น้ำเศรษฐกิจและโครงการเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลไปยัง 17 จังหวัดรอบอ่าวไทย ควบคู่ไปกับการสร้างงาน เพิ่มรายได้แก่ชุมชน
    • เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ชาวประมง เกิดเครือข่ายการอนุรักษ์และการทำประมงอย่างยั่งยืนผ่านโครงการจัดทำแนวเขตอนุรักษ์ชายฝั่งทะเลและบ้านปลาและศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่ได้ขยายผลมาจากโครงการศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักลูกปู ปัจจุบันได้สร้างแนวเขตอนุรักษ์พื้นที่รวม 12.8 ตารางกิโลเมตร จัดทำบ้านปลา จำนวน 25 แห่ง และก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ฯ จำนวน 10 แห่ง ในจังหวัดสงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี เพชรบุรี สมุทรสงคราม และระยอง
  • ระดับจุลภาค :
    • ดำเนินโครงการเพื่อสังคมกว่า 100 โครงการในพื้นที่ปฏิบัติการทั้งในและต่างประเทศ รักษาระดับความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ปฏิบัติการ สนับสนุนให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีการคัดค้านต่อต้านจากชุมชน
  • ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI) ใน 28 โครงการเพื่อสังคมที่สำคัญ เฉลี่ยเท่ากับ 3.55 : 1

ประเด็นสำคัญ : 6. การพัฒนาศักยภาพและความพร้อมของบุคลากร

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
  • พัฒนาขีดความสามารถของพนักงานทุกระดับในองค์กร รวมถึงโครงการในต่างประเทศ ให้มากกว่าค่าเฉลี่ยปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.45 เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงขององค์กร
  • ประเมินความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน (Engagement Survey) ทุก ๆ 2 ปี
  • บริษัทฯ มีการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคล (Individual Competency Development Plan หรือ ICDP) ซึ่งช่วยให้ ปตท.สผ. สามารถพัฒนาขีดความสามารถของพนักงานได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 5.94
  • จากผลการสำรวจปี 2565 พนักงานมีระดับความผูกพันต่อองค์กรร้อยละ 74 ซึ่งเป็นอัตราความผูกพันองค์กรที่สูงกว่า Market Average ของบริษัทในประเทศไทย, กลุ่มบริษัท Oil, Gas, Exploration and Production ในประเทศไทย และ กลุ่มบริษัท Oil, Gas and Consumable Fuels ใน APAC อีกทั้งสูงกว่ากลุ่มบริษัทใน Fortune 500 โดยบริษัทได้นำผลการสำรวจดังกล่าวมาจัดทำเป็นแผนพัฒนาความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร เพื่อเป็นเป้าหมายการดำเนินงานสำหรับปี 2566–2567

ประเด็นสำคัญ : 7. การปรับใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
ปี 2573
  • นำโครงสร้างหลักมาใช้ใหม่ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 โดยยังคงสภาพการทำงานที่เหมาะสม ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
  • ปราศจากของเสียอันตรายสู่การฝังกลบภายในปี 2563 ของเสียอุตสาหกรรมสู่การฝังกลบภายในปี 2568 และของเสียทั้งหมดสู่การฝังกลบภายในปี 2573
  • ดำเนินการศึกษาแนวคิดการนำขาของแท่นหลุมผลิตที่มีอยู่กลับไปใช้ใหม่
  • ปราศจากของเสียอันตรายและของเสียอุตสาหกรรมที่กำจัดโดยวิธีฝังกลบเฉพาะโครงการในประเทศไทยเท่านั้น

ประเด็นสำคัญ : 8. การบริหารจัดการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
  • หลีกเลี่ยงการดำเนินงานในพื้นที่มรดกโลกตามเกณฑ์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO) และไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียสุทธิต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (No–Net Loss) ในพื้นที่คุ้มครองประเภท 1–4 ของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (The International Union for Conservation of Nature – IUCN) ภายในปี 2587
  • สร้างมูลค่าเชิงบวก (Net Positive Impact) ต่อความหลากหลายทางชีวภาพและบริการทางระบบนิเวศทางทะเล (Ocean Biodiversity & Ecosystem Services (BES) Value) ในพื้นที่ปฏิบัติการนอกชายฝั่งทั้งหมดภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับมูลค่าในปีฐาน 2562
  • ไม่ตัดต้นไม้ในพื้นที่ป่าสำหรับโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป
  • ไม่มีโครงการใดตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงด้านความหลากหลายทางชีวภาพหรืออยู่ในพื้นที่มรดกโลก
  • พัฒนากลยุทธ์ในการชดเชยความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับโครงการท่อส่งก๊าซบนบกซอติก้า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่คุ้มครองตามนิยามของ IUCN เพื่อประเมินผลการจัดการโครงการในปัจจุบันและกำหนดแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมายที่จะไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียสุทธิ
  • สร้างมูลค่าเชิงบวกต่อความหลากหลายทางชีวภาพและบริการทางระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่ปฏิบัติการนอกชายฝั่งทั้งหมดร้อยละ 44.7
  • ไม่มีการตัดต้นไม้ในการดำเนินงานโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งหมด

ประเด็นสำคัญ : 9. การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
  • เพิ่มความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการดำเนินงานและความโปร่งใส รวมถึงส่งมอบคุณค่าร่วมระหว่างบริษัทและคู่ค้า
  • คู่ค้าสำคัญ (Critical Supplier) และคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงด้านความยั่งยืน ทั้งหมดได้รับการตรวจประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ณ สถานที่ดำเนินงานของคู่ค้า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
  • บริหารจัดการสินค้าคลังร่วมระหว่างแปลงผลิต สามารถลดต้นทุนในการซื้อท่อสำรองสำหรับขุดเจาะและพื้นที่จัดเก็บได้กว่า 4.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • จัดหาสินค้าและบริการระดับท้องถิ่น คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • จัดหาสินค้าและบริหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คิดเป็นมูลค่า 566 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • คู่ค้าสำคัญ ทั้งที่เป็นคู่ค้าโดยตรง (Tier 1 Suppliers) และคู่ค้าของคู่ค้าโดยตรง (Tier 2 Suppliers) รวมถึงคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงด้านความยั่งยืน ได้รับการประเมิน ณ สถานที่ดำเนินงานของคู่ค้า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ร้อยละ 100

ประเด็นสำคัญ : 10. ความมั่นคงและปลอดภัยทางไซเบอร์

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
  • ไม่มีการสูญเสียจากการจู่โจมทางไซเบอร์ทั้งหมด
  • ทดสอบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับด้านสารสนเทศ (IT) อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
  • โครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศทั้งหมดผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล
  • ไม่มีการหยุดชะงักจากการดำเนินงานที่สำคัญ และการละเมิดถึงข้อมูลของบริษัทจากการจู่โจมทางไซเบอร์
  • ดำเนินการทดสอบความต่อเนื่องธุรกิจจากเหตุการณ์จำลองที่เกิดอุบัติเหตุด้านความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ปีละ 2 ครั้ง
  • บริการจัดการเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยใช้มาตรฐาน National Institute of Standards and Technology (NIST) และได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 27001 ในส่วนของศูนย์รวมข้อมูล (Data Center) ทั้งหมด

ประเด็นสำคัญ : 11. สิทธิมนุษยชน

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
  • ปราศจากกรณีละเมิดด้านสิทธิมนุษยชนจากกิจกรรมการดำเนินงานโดยตรง
  • ประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี ครอบคลุมร้อยละ 100 ของพื้นที่ปฏิบัติการทั้งหมด ที่ดำเนินการโดยบริษัท ผู้ร่วมทุน และคู่ค้าสำคัญระดับที่ 1
  • พบการกระทำผิด 3 เรื่องเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดวินัยตามนโยบายบริหารทรัพยากรบุคคลและจริยธรรมธุรกิจว่าด้วยการทรัพยากรบุคคล และ ปตท.สผ. ได้ดำเนินการลงโทษด้วยการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรและการเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย
  • จัดทำการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี 2565 ครอบคลุมร้อยละ 100 ของพื้นที่ปฏิบัติการทั้งหมด ที่ดำเนินการโดยบริษัท ผู้ร่วมทุน และคู่ค้าสำคัญระดับที่ 1 ผ่านระบบประเมินความเสี่ยงองค์กร และมีการเก็บรวบรวมข้อมูลและประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และกำหนดมาตรการติดตามอย่างเป็นระบบ

ประเด็นสำคัญ : 12. การบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสีย

เป้าหมาย ความคืบหน้าในปี 2565
  • รักษาระดับความสัมพันธ์อันดีผ่านการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสียที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังต่าง ๆ
  • ระดับความผูกพันของชุมชนต่อองค์กรอยู่ที่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
  • ประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนของบริษัท โดยรวบรวมประเด็นจากผู้มีส่วนได้เสีย และกำหนดเป็นกลยุทธ์องค์กร
  • ระดับความผูกพันของชุมชนต่อองค์กรอยู่ที่ 2.52